เหงือกบวม เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
18 Oct 2024เหงือกบวม เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
หนึ่งในสาเหตุที่เหงือกบวมสามารถเกิดจากการติดเชื้อที่มาจากฟัน ซึ่งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ หากมีอาการปวดฟันซึ่งเกิดจากฟันผุ ให้รีบเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุของเหงือกบวม
เหงือกบวมอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น:
- เหงือกอักเสบ (Gingivitis): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เหงือกอักเสบมักเกิดจากการสะสมของคราบแบคทีเรีย (Plaque) ที่เกาะอยู่บนฟัน หากไม่ทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดการอักเสบที่เหงือก ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาเหงือก
- การติดเชื้อในช่องปาก: การติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส สามารถทำให้เกิดเหงือกบวมได้ เช่น การติดเชื้อแคนดิดา (Candida) หรือการติดเชื้อเริม
- การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่เหงือก เช่น การแปรงฟันแรงเกินไป หรือการใช้ไหมขัดฟันไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เหงือกบวมได้
- การตั้งครรภ์: ระหว่างการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เหงือกไวต่อการระคายเคืองและเกิดเหงือกบวมได้
- ปัญหาฟันคุด: ฟันคุดที่ไม่สามารถขึ้นมาได้เต็มที่ หรือฟันที่ขึ้นผิดตำแหน่งอาจทำให้เหงือกบวมและเกิดการอักเสบได้
เหงือกบวมฟันบน
กรณีเหงือกบวมบริเวณฟันบน
สามารถเกิดการติดเชื้อลุกลามไปยังโพรงอากาศไซนัส ทำให้เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังได้ ซึ่งหากการติดเชื้อลุกลามไปถึงดวงตา อาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อเบ้าตาได้เช่นกัน
เหงือกบวมฟันล่าง
กรณีเหงือกบวมบริเวณฟันล่าง
อาจติดเชื้อบริเวณใต้คางหรือลำคอ ทำให้เนื้อเยื้อบริเวณลำคอบวม และอาจจะขัดขวางทางเดินหายใจทำให้หายใจลำบากอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ รวมไปถึงหากลุกลามถึงช่องอก สามารถเกิดการอักเสบติดเชื้อของช่องอกได้
วิธีป้องกันเหงือกบวม
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ: ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันทุกวันเพื่อขจัดคราบแบคทีเรียที่สะสม
- เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ: การตรวจฟันทุก 6 เดือนจะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจหาสัญญาณของเหงือกอักเสบหรือปัญหาอื่น ๆ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบและโรคเหงือกรุนแรง
- ทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูงช่วยเสริมสร้างสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเหงือกบวม ปวดรุนแรง สามารถเข้าพบทันตแพทย์เพื่อวางแผนดำเนินการรักษาได้ และเพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงในอนาคต ทั้งนี้ทั้งนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งจำเป็น ทานอาหารที่ไม่รสจัด หรือกัดของที่แข็งจนเกินไป แปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ